วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กีต้าไอดอล

 ประวัติของ steve vai     
เกิด เมื่อ 6 มิถุนายน 1960 ณ.Long Island, New Yorkเริ่ม เรียนกีต้าร์อย่างจริงจังเมื่ออายุ 13 กับ Joe Satriani จากนั้นไปศึกษาด้านดนตรีที่ Berklee School ใน Boston และย้ายมาอยู่ที่ LAใน ปี 1979 เพื่อเป็นนักดนตรีในวงดนตรีของ Frank Zappa ออกโซโลอัลบั้มแรก Flex-able [1984]และ ในปี 1985เข้าไป แทนที่ Yngwie Malsteenใน AlcaTrazz ซึ่ง มี Graham Bonnet เป็นนักร้องนำ( อดีต นักร้องนำวง RainBow) ออกอัลบั้ม Disturbing the peace [1985]

ต่อมาใน ปี1986 ย้ายมาอยู่กับ David Lee Roth Band ออกอัลบั้ม 2 มาชุดคือ Eat 'em and Smile [1986] และ Skyscraper [1988]หลัง จากนั้นในปี 1989 มาอยู่กับวง White Snake ออกอัลบั้ม Slip of the Tongue แม้ว่าจะมีชื่อมือกีต้าร์ Adrian Vandenberg ร่วมด้วย (และเป็นคนร่วมแต่งเพลงกับ David Coverdale ) แต่ VAI เป็นคนเล่นกีต้าร์ทั้งหมด เนื่องจาก Adrian ประสบอุบัติเหตุต่อมาในปี 1990 ออกอัลบั้มแห่งประวัติศาสตร์ของโลกกีตาร์ในยุค'90ที่มีชื่อว่า Passion and Warfare ซึ่งอัลบั้มนี้เราถือได้ว่า...เป็นการแจ้งเกิดจุติให้ใครหลายๆคนได้รู้จัก เขาในฐานะเทพเจ้ากีตาร์ตนหนึ่งและหลังจากนั้นอีก 3 ปีคือในปี 1993เขาก็ได้ออกอัลบั้มที่ชื่อว่า Sex and Religien และก็มีตามออกมาอยู่เรื่อยๆสำหรับผลงานของ Steve Vai.



Steve Vai - สุดยอดมือกีต้าร์แนวบรรเลงแบบเมททัลผู้ที่นิยมชมชอบงานเพลงประเภทบรรเลง

กี ต้าร์แนวRockแบบเมโลดี้สวยงามนอกจากJoe Satrianiแล้วคงจะไม่พลาดผลงานของมือกีต้าร์ระดับเทพผู้นี้


Steve Vai โดดเด่นในฐานะของผู้ช่ำชองในการใช้เทคนิคการเล่นกีต้าร์แนวร็อค เขาเป็นสัญลักษณ์ของการบุกเบิกสไตล์การเล่นแปลกๆและเป็นตัวอย่างที่ดีที่ แสดงให้เห็นว่าการศึกษาดนตรีสามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร


Steven Siro Vai หรือที่รู้จักกันว่าSteve Vaiผู้มีอาวุธประจำตัวเป็นกีต้าร์ รวมถึงกีต้าร์เจ็ดสาย

กีต้าร์สาม คอ เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน คศ. 1960 ที่ New York เขาเริ่มเล่นกีต้าร์ตอนอายุ 13 ขวบ เพราะได้แรงบันดาลใจจาก Jimi Hendrix , Led Zeppelin และ Alice Cooper หลังจากนั้นไม่นานVai ได้พบกับ Joe Satriani มือกีต้าร์รุ่นพี่ที่โรงเรียน ซึ่งเป็นคนที่เขาไปเรียนกีต้าร์ด้วยในช่วงวัยรุ่นตอนต้น หลังจากจบมัธยม Steve Vaiเรียนต่อที่ Berklee College Of Music ที่ Boston ที่นี่เองที่เขาเริ่มหลงไหลผลงานของ Frank Zappa แล้วแกะเพลงที่ท้าทายที่สุดหลายๆเพลงของ Frank (รวมถึงเพลง Black Page อันโด่งดัง)และส่งไปให้เจ้าตัวดู Frank ประทับใจมากจนเชิญเขาไปร่วมวง ต่อมา Vai ทัวส์ทั่วโลกกับ Zappa ร่วมเล่นในหลายอัลบั้มของ Zappa และสร้างชื่อเสียงขึ้นมาในฐานะมือกีต้าร์ร็อคที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง ในแวดวง ต่อมาก็ได้ร่วมงานกับศิลปินมากมายอาทิWhitesnake, Alcatrazz, David Lee Roth และการแสดงสดในนามG3รุ่นแรกร่วมกับJoe Satriani, Eric Johnsonมาแล้ว Steve Vaiได้รับการโหวตเป็นมือกีต้าร์ร็อคยอดเยี่ยมประจำปี 1986 ในนิตยสาร Guitar Player และตลอดมาจนถึงต้นยุค 90 นั้นเขาติดอันดับสูงสุดในการจัดอันดับต่างๆและขึ้นปกนิตยสารกีต้าร์ทุกฉบับ

http://www.youtube.com/watch?v=Yw74sDWPH7U
EVO กีต้าร์ตัวเก่งของ Steve Vai
เนื่องจากเห็นว่ามีความน่าสนใจสำหรับคนที่ถือว่า เป็นมือกีต้าร์อันดับต้นๆของโลก กีต้าร์ของเขาก็ไม่น่าจะธรรมดาเช่นกัน ส่วนเจ้าของเองก็พอที่จะเป็นที่รู้จัก จึงขอรวบรวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกีต้าร์ตัวนี้ให้เพื่อนๆอ่านประดับความรู้ นะครับ (ส่วนใครที่ไม่รู้จักก็ข้ามไปก็ได้ครับ)

 จากปากคำของสตีฟเอง เขาเล่าว่า เค้าเองต้องการที่จะออกแบบ JEM อีกรุ่นหนึ่งที่มีความคลาสสิค จึงมีความคิดที่ว่า จะให้ตัวกีต้าร์เป็นสีขาว และอุปกรณ์ต่างๆเช่น ลูกบิด สะพานสาย ตะปู เป็นสีทอง ดังนั้นทางไอบาเนส(Ibanez) จึงทำขึ้นและส่งกีต้าร์มาให้ลอง 4 ตัว เค้าจึงเริ่มลองเล่นทีละตัวเพื่อที่จะหาอาวุธคู่กายที่เหมาะมือ(กีต้าร์แต่ ละตัวถึงแม้รุ่นเดียวกัน ทำจากไม้ประเภทเดียวกัน แต่ก็ยังให้เสียงที่ต่างกันอยู่ดี)

ขณะเดียวกันนั้น สตีฟก็ได้ร่วมกับดิมาซิโอ(ปิคอัพยี่ห้อดัง)ในการออกแบบปิคอัพรุ่นใหม่ ซึ่งบังเอิญที่จะมีปิคอัพให้สตีฟได้ลองอีก 4 รุ่นเช่นกัน โดยได้ตั้งชื่อรุ่นต่างๆตามชนิดของเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน อันได้แก่ Flathead Knucklehead Panhead และ Evolution ซึ่งตัวที่เค้าชอบนั้น แน่นอนคือ Evolution

เหตุผลที่สตีฟชอบนั้น เป็นเพราะ อีโวมีกำลังส่งสูง เสียงเนียน เสียงสูงไม่บาดหู และเสียงทุ้มที่แน่น ดังนั้นเค้าจึงติดตั้งปิคอัพตัวนี้ลงในกีต้าร์ซึ่งเค้าตั้งชื่อว่า Evo และอีกตัวชื่อว่า Flo เพื่อที่จะเป็นการจำแนกกีต้าร์แต่ละตัว(คงเพราะหน้าตามันเหมือนกัน)

สตี ฟได้เริ่มใช้อีโวก่อนหน้าที่จะมีการอัดเสียงอัลบั้ม Sex and Religion ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นกีต้าร์คู่ชีพของสตีฟตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บางครั้งสตีฟหันไปใช้ Flo เนื่องจากมันมีปิคอัพ sustainer(ปิคอัพที่ให้เสียงค้างยาวๆ) ของ Fernandez และปัจจุบัน สตีฟมักจะใช้ Flo มากกว่าเพราะอีโวโทรมมาก กำลังจะพัง จึงอยากจะถนอมเอาไว้
เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่าครับ ที่ว่าโทรมนั้นโทรมขนาดไหน 

มาดูกันใกล้ๆนะครับว่าโทรมขนาดไหน
อันนี้ด้านหน้า


 ด้านล่างตรงขอบ บิ่นหมดแล้วเพราะเล่นไป โยนไป ไถไป เหวี่ยงไป ทำหล่นไป(ฮา)
 ตรงนี้คือบาดแผลฉกรรจ์ ดูรอยร้าวตรงคอ น่ากลัวจริงๆ เค้าเล่าว่า ทางไอบาเนสได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะซ่อมรอยร้าวนี้ แต่ก็ไม่ประสบผล แถมยังคงร้าวไปเรื่อยๆ(แก้วที่มันร้าว ไม่นานก็คงจะแตก)


http://www.youtube.com/watch?v=9IrWyZ0KZuk

2 ความคิดเห็น: